ฮอร์โมนเพศชาย หรือ Testosterone เป็นฮอร์โมนสำคัญในเพศชายที่ร่างกายสร้างจากอัณฑะ มีหน้าที่ควบคุมและสร้างลักษณะทางกายภาพของเพศชาย ทั้งยังสนับสนุนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพฮอร์โมนนี้มีหน้าที่สำคัญหลายประการในร่างกายของผู้ชาย และหนึ่งในหน้าที่สำคัญนั้นคือการส่งเสริมสมรรถภาพทางเพศ
สมรรถภาพทางเพศ หมายถึง ความสามารถในการมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างสมบูรณ์ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
- ความต้องการทางเพศ (Sexual desire)
- ความสามารถในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ (Erectile function)
- ความสามารถในการหลั่งอสุจิ (Ejaculatory function)
ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) มีส่วนสำคัญในการควบคุมทั้ง 3 องค์ประกอบ โดยมีหน้าที่
- กระตุ้นความต้องการทางเพศ โดยทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจและความสุข
- กระตุ้นการแข็งตัวของอวัยวะเพศ โดยทำให้หลอดเลือดที่อวัยวะเพศขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนมากขึ้น
- กระตุ้นการหลั่งอสุจิ กระตุ้นการสร้างสเปิร์มและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิสนธิ
จะเป็นอย่างไรถ้าระดับฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ลดลง?
ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Low Testosterone) หมายถึง ระดับฮอร์โมนเพศชายในเลือดต่ำกว่าปกติ ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายทุกวัย จากปัจจัยต่างๆ เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น ภาวะอ้วน โรคประจำตัว หรือการใช้ยาบางชนิด แต่มักพบในผู้ชายที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เพราะระดับฮอร์โมนเพศชายในผู้ชายจะลดลงตามอายุตามธรรมชาติ โดยจะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป
อาการของภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Low Testosterone) อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ลดลงมากน้อยแค่ไหน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ความต้องการทางเพศลดลง
- อวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวได้ไม่เต็มที่
- มีปัญหาในการหลั่งน้ำอสุจิ
- เหนื่อยล้าง่าย
- อ่อนเพลีย
- หงุดหงิดง่าย
- อารมณ์แปรปรวน
- นอนไม่หลับ
- สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
- อ้วนลงพุง
- กระดูกพรุน
- ภาวะซึมเศร้า
หากมีอาการของภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ไม่อย่างนั้นอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและชีวิตคู่ได้
เราจะเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ได้อย่างไร
วิธีเพิ่มฮอร์โมนเพศชายมี 2 วิธีหลักๆ คือ
- วิธีธรรมชาติ สามารถทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรง (Strength training) ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนลงพุง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ลดความเครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และอาหารแปรรูป
- วิธีทางการแพทย์ ทำได้โดยการให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทน ฮอร์โมนเพศชายทดแทนมีทั้งแบบฉีด แบบรับประทาน แบบเจล และแบบแผ่นแปะ โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้การรักษาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อตรวจระดับฮอร์โมนเพศชายและหาสาเหตุของภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ หากพบว่ามีสาเหตุจากโรคหรือภาวะอื่นๆ แพทย์อาจพิจารณารักษาโรคหรือภาวะเหล่านั้นก่อน เพื่อช่วยให้ระดับฮอร์โมนเพศชายสูงขึ้นได้
คำแนะนำในการเลือกโปรแกรมเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย Testosterone Booster
ในการเลือกโปรแกรมเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย Testosterone Booster ควรเลือกโปรแกรมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยควรเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์และเชื่อถือได้
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินระดับฮอร์โมนเพศชายและอาการต่างๆ
- เลือกโปรแกรมที่เหมาะกับความต้องการและสภาพร่างกาย
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
โดยทั่วไปแล้ว โปรแกรมเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย Testosterone Booster สามารถช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชายในร่างกายผู้ชายได้ โดยผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ระดับฮอร์โมนเพศชายเริ่มต้น ระยะเวลาที่เข้าร่วมโปรแกรม การปฏิบัติตนตามคำแนะนำของโปรแกรม โดยผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้น
- มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น
- กระดูกแข็งแรงขึ้น
- อ้วนลงพุงลดลง
- หงุดหงิดง่ายลดลง
- รู้สึกเหนื่อยล้าลดลง
อย่างไรก็ตาม โปรแกรมการเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย Testosterone Booster ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
เพราะความสวยของคุณคือความสุขของเรา ให้ THE KLINIQUE ดูแลคุณ
สอบถามโปรโมชั่นหรือปรึกษาปัญหาผิวและรูปร่างฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
Line OA: http://bit.ly/TheKlinique