รักแร้เปียก มีกลิ่นตัว ใต้วงแขนชื้นและเหนียวเหนอะหนะ เพิ่มความมั่นใจใต้วงแขนได้ด้วยโบท็อกซ์รักแร้ ซึ่งช่วยแก้ปัญหารักแร้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อใต้วงแขน จบทุกปัญหาการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อแล้วไม่ได้ผล การฉีดโบท็อกซ์รักแร้จะช่วยให้เราจบทุกความกังวลของปัญหารักแร้ สามารถยกแขนได้อย่างมั่นใจ จบทุกปัญหาที่หลายคนรู้สึกประหม่าเรื่องรักแร้เปียก และไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อมากกว่าหนึ่งตัวต่อวันอีกต่อไป
รักแร้เปียก เกิดจากสาเหตุจากอะไร ?
เหงื่อออก เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน เพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย แต่ละคนจะมีเหงื่อระดับแตกต่างกัน สำหรับคนที่เหงื่อออกมากผิกปกติ เกิดจากหลายปัจจัย เช่น วัยหมดประจำเดือน ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกินไป โรคเบาหวาน โรคอ้วน การดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด ความเครียดและอารมณ์ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด โรคหัวใจ ภาวะภูมิแพ้
โบท็อกซ์รักแร้ ช่วยลดเหงื่อได้อย่างไร ?
โบท็อกซ์รักแร้ทำงานโดยการยับยั้งสารสื่อประสาทที่ควบคุมการหลั่งของเหงื่อ เพื่อหยุดผลิตเหงื่อชั่วคราว โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา และ International Hyperhidrosis Society (IHHS) ได้ระบุว่าโบท็อกซ์รักแร้ช่วยรักษาอาการเหงื่อออกได้ประมาณ 82-87% หรือมากกว่า 80% เลยทีเดียว
การฉีดโบท็อกซ์รักแร้
ปริมาณที่แนะนำสำหรับโบท็อกซ์รักแร้ คือ 50-100 ยูนิตในแต่ละข้าง โดยใช้เทคนิคการฉีดโบท็อกซ์รักแร้ ในรูปแบบตารางที่วาดบนรักแร้ในวันที่ทำการรักษา อย่างไรก็ตาม จำนวนหน่วยยูนิตที่แน่นอนของคนไข้แต่ละรายจะแตกต่างกัน เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ (เช่น การทำงานของต่อมเหงื่อ เป็นต้น)
โบท็อกซ์รักแร้อยู่ได้นานแค่ไหน ?
สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 3-7 วันของหลังรักษา และผลการฉีดโบท็อกซ์รักแร้จะอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน บางรายอาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยการดูแลสุขภาพประกอบด้วย
วิธีการดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์รักแร้ รักแร้เปียก
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนหลังฉีดโบท็อกซ์รักแร้ คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ เพราะการรักษาด้วยโบท็อกซ์มีผลกระทบน้อยมาก แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองที่ไม่พึงประสงค์และผลข้างเคียงอื่น ๆ ควรงดกิจกรรมเหล่านี้เป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมงหลังฉีดโบท็อกซ์รักแร้ เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้สารระงับกลิ่นกายในบริเวณที่ฉีด
- คนไข้ควรกลับบ้านทันทีหลังทำหัตถการ
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการผลิตเหงื่อไปกระทบต่อโบทูลินั่มท็อกซิน (สารหลักที่ใช้ในการฉีดโบท็อกซ์รักแร้)
- ควรประคบเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้เหงื่อสะสมในบริเวณรักแร้และช่วยลดอาการบวมได้
- หากมีอาการปวดบริเวณฉีดโบท็อกซ์รักแร้ การรับประทานยาแก้ปวดจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้
- ควรงดออกแรงแขนข้างที่ฉีด เพราะแรงกดอาจทำลายเส้นประสาท อาจทำให้ปวดบวม
ฉีดโบท็อกซ์รักแร้ที่ไหนดี ?
เพื่อความปลอดภัยและความคุ้มค่าสำหรับเม็ดเงินที่จ่ายค่าทำหัตถการโบท็อกซ์รักแร้ เราควรเลือกแพทย์ ที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญในการฉีดโบท็อกซ์รักแร้ เพราะแพทย์ที่มีประสบการณ์จะไม่ได้ฉีดโบท็อกซ์เพื่อรีบปิดเคสการรักษาเท่านั้น แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ THE KLINIQUE (เดอะคลีนิกค์) มีความเชี่ยวชาญด้านการโบท็อกซ์รักแร้โดยเฉพาะ คุณหมอของเราจะประเมินปัญหารักแร้เปียก รู้ว่าใครไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ หรือควรได้รับการฉีดโบท็อกซ์รักแร้กี่ยูนิตในแต่ละข้าง ที่สำคัญเราใช้โบท็อกซ์รักแร้แท้ทุกขวด ซึ่งทำการแกะกล่องโบท็อกซ์ แกะ ดูดด้วยเข็มต่อหน้าคนไข้ คนไข้สามารถรับกล่องโบท็อกซ์รักแร้กลับบ้าน จึงสร้างความมั่นใจว่าเราใช้โบท็อกซ์แท้ทุกขวดด้วยโปรแกรมโบท็อกซ์รักแร้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่าง DermoLift ฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ ช่วยยับยั้งสารสื่อประสาทที่ควบคุมการหลั่งของเหงื่อ ลดการอับชื้น ลดกลิ่นตัว กลิ่นไม่พึงประสงค์ ลดอาการเหงื่อออกเยอะบริเวณรักแร้ คราวนี้ก็หมดกังวลรักแร้เปียกกันได้เลย
เพราะความสวยของคุณคือความสุขของเรา ให้ THE KLINIQUE ดูแลคุณ
สอบถามโปรโมชั่นหรือปรึกษาปัญหาผิวและรูปร่างฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!
Line OA: http://bit.ly/TheKlinique